เสริมหน้าอก
BREAST AUGMENTATION
เริ่มต้น 39,000.-
เตรียมความพร้อม และ เลือกซิลิโคนที่ต้องการ
ทำไมต้องผ่าตัดเสริมหน้าอกที่ Kowit Clinic?
-
ปลอดภัย และไม่เจ็บ
-
ศัลยแพทย์ผ่าตัดมากประสบการณ์
-
มีการจำลองภาพ 3 มิติหน้าอก ก่อนรับการผ่าตัดได้อย่างแม่นยำ
-
พักฟื้นน้อย ใช้เทคนิคเฉพาะทำให้เลือดออกน้อย
-
แผลผ่าตัดเล็ก ขนาด 3-4 ซม.ระยะยาว รอยผ่าจะกลายเป็นเพียงเส้นรอยพับ มองไม่เห็นแม้เวลานอน
-
ซิลิโคนผ่านมาตรฐาน มีให้เลือกหลายแบรนด์
-
ทุกแบรนด์ผ่านอย. มีใบและกล่องรับประกัน
-
ซิลิโคนอยู่ใต้กล้ามเนื้อ โอกาสนมแข็งหรือมีแคปซูล (Capsular Contracture) น้อยกว่า
-
ซิลิโคนอยู่ใต้กล้ามเนื้อ รูปทรงสวยเป็นธรรมชาติมากกว่า และโอกาสคลำเจอซิลิโคนน้อยกว่า
-
ซิลิโคนเป็นผิวเนื้อทราย ลดปัญหาการหดรัดรอบถุง
-
ให้นมบุตรได้ตามปกติ ไม่ผ่านและทำลายเนื้อเยื่อเต้านม
รีวิวเสริมหน้าอก
BREAST AUGMENTATION REVIEWS
ศัลยกรรมหน้าอก
การใช้ซิลิโคนที่ดี ลดปัญหา ซิลิโคนรั่ว นมแข็งผิดรูป ในอนาคตได้
เลือกขนาดอย่างไร
ก่อนผ่าตัดแพทย์จะให้คำแนะนำในการเลือกขนาดซิลิโคนว่าต้องการขนาดใหญ่เท่าไหร่ (กี่ cc) แล้วแต่ความต้องการให้หน้าอกใหญ่ขึ้น
การเลือกขนาดต้องคำนึงถึง
-
เนื้อนมเดิม ว่ามีมากพอที่จะรองรับซิลิโคนได้หรือไม่ ถ้าเนื้อนมน้อยแต่ใส่ซิลิโคนใหญ่ ก็จะคลำขอบซิลิโคนได้ ทำให้ไม่เป็นธรรมชาติ
-
ความกว้างของช่วงไหล่ สัดส่วนความสูง
-
ความยืดหยุ่นของเนื้อนมเดิม
-
ความต้องการของคนไข้ ว่าอยากได้ขนาดใหญ่แค่ไหน
การวางตำแหน่งซิลิโคน เสริมใต้กล้ามเนื้อ หรือบนกล้ามเนื้อดีกว่า?
การจะวางซิลิโคนใต้กล้ามเนื้อ หรือบนกล้ามเนื้อ (ในเนื้อนม) จำเป็นต้องพิจารณาการหย่อนคล้อยของหน้าอกเป็นเกณฑ์ในการวางแผนการวางตำแหน่งของซิลิโคน หากหน้าอกไม่มีการหย่อนคล้อย หรือหย่อนคล้อยไม่มาก ก็สามารถเสริมโดยวางใต้กล้ามเนื้อได้ แต่ถ้าหากมีการหย่อนคล้อยพอสมควรก็จำเป็นต้องวางบนกล้ามเนื้อ (ในเนื้อนม) แต่ถ้าหากมีการหย่อนคล้อยมาก ก็จำเป็นจะต้องแก้ไขโดยการผ่าตัดยกกระชับหน้าอก และเสริมด้วยซิลิโคนถ้าหากต้องการขนาดหน้าอกที่ใหญ่ขึ้น
การใส่ใต้กล้ามเนื้อ (submuscular ) ดีกว่าใส่ในเนื้อนมตรงที่มีโอกาสนมแข็ง หรือ ที่เรียกกันว่า มีแคปซูล (capsular contracture) น้อยกว่า และมีโอกาสที่จะคลำเจอขอบซิลิโคนน้อยกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่เนื้อนมน้อย
แต่ข้อเสียคือ หลังทำเจ็บกว่า จับแล้วนิ่มน้อยกว่าการวางบนกล้ามเนื้อ บางคนชอบออกกำลังกาย จะเห็นเต้านมขยับได้ เวลายกแขนเกร็งกล้ามเนื้อหน้าอก ส่วนการใส่ซิลิโคนเหนือกล้ามเนื้อ หรือในเนื้อนม (subglandular) จะมีข้อดีคือจะได้นมที่นิ่มกว่า หลังผ่าตัดเจ็บน้อยกว่า พักฟื้นสั้นกว่า
แผลผ่าตัดเสริมหน้าอกตรงไหนดี
1.ใต้ราวนม
แผลหลบอยู่ใต้ราวนม ยาวประมาณ 3-4 ซม. ซึ่งเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เนื่องจากมีขั้นตอนที่ซับซ้อนน้อยกว่าการผ่าตัดเข้าทางอื่น และยังช่วยปกปิดร่องรอยการผ่าตัดได้ดี มองไม่เห็นแม้เวลานอน ถ้ามองตรงๆ แผลใต้ราวนมนี้ คนที่เห็นก็มีเพียงคนใกล้ชิดเราเท่านั้น ไปไหนมาไหน ก็ไม่ต้องระวังเวลาใส่เสื้อแขนกุด การผ่าตัดทำได้เร็วกว่า จัดรูปทรงได้ง่ายกว่า เจ็บน้อยกว่าผ่าจากบริเวณรักแร้
แต่ก็มีข้อเสียคือ อาจมีแผลเป็นนูนได้มากกว่าผ่าบริเวณอื่น
2. บริเวณรักแร้
ข้อดีคือ แผลอยู่ในแนวตามรอยพับของรักแร้
ข้อเสียคือ หลังทำเจ็บกว่าแผลใต้ราวนม ขนาดของแผลที่ใหญ่กว่าใต้ราวนม และนอกจากนี้ อัตราการเกิดพังผืดมักจะมากกว่าผ่าทางใต้ราวนม
หลังเสริมหน้าอกให้นมลูกได้หรือไม่
หลังเสริมเต้านมสามารถ ตั้งครรภ์ได้ ให้นมลูกได้ โดยไม่มีอันตรายต่อเด็ก เนื่องจากซิลิโคนที่มีมาตรฐานจะไม่มีการรั่วออกมาแล้วแทรกซึมเข้าสู่น้ำนมได้
การเสริมหน้าอกทำให้เป็นมะเร็งหรือไม่
การใช้ซิลิโคนเต้านมที่มาตราฐาน ไม่เพิ่มโอกาสการเกิดมะเร็งเต้านม ชนิดที่พบบ่อยที่สุด แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ผู้ที่เสริมหน้าอกก็ไม่ควรละเลยในการตรวจเช็คมะเร็งเต้านมเป็นประจำ ควรทำการคลำตรวจเต้านมด้วยตัวเองทุกเดือน หลังหมดประจำเดือน 1 สัปดาห์ และทำการเอกซเรย์ แมมโมแกรม (Mammogram) ทุกปี เมื่ออายุมากกว่า 35 ปี
การเตรียมตัวก่อนผ่าตัดเสริมหน้าอก
วิธีการดูแลหลังผ่าตัดเสริมหน้าอก
หลังการผ่าตัด
-
สามารถอาบน้ำได้ทันที แผลสามารถโดนน้ำได้
-
แต่ไม่ควรแช่ตัวในอ่างน้ำเพราะแผลที่แช่น้ำเป็นเวลานานจะมีโอกาสอักเสบได้
-
หลังจากการอาบน้ำหรือโดนน้ำ ให้รีบใช้ผ้าสะอาดซับน้ำให้แห้งเบาๆ
-
ห้ามถูหรือขยี้ที่บริเวณแผลผ่าตัดโดยเด็ดขาด
วันที่ 1 หลังการผ่าตัด
-
คลายผ้าพันแผลให้หลวมขึ้น
-
ทานยาตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด
วันที่ 3 หลังการผ่าตัด
-
ถอดผ้ายืดออก
-
สวมใส่สปอร์ตบราตลอดช่วงระยะเวลา 2-3 เดือน
-
อย่าเพิ่งใส่บราที่มีโครงเพราะตัวโครงจะกดแผลทำให้เจ็บ
สิ่งที่ทำได้
-
ช่วงแรกหลังการผ่าตัดคุณสามารถเดินเบาๆ หรือปั่นจักรยานได้ เพื่อช่วยให้ระบบไหลเวียนโลหิตดีขึ้น
-
สามารถมีเพศสัมพันธ์ได้หลังจากผ่าตัดไปแล้ว 1 สัปดาห์ แต่ควรระวังในเรื่องของการสัมผัสหน้าอกด้วย
-
ควรหมั่นตรวจเช็คเต้านมของตนเองเป็นประจำว่ามีสิ่งผิดปกติหรือไม่ เพื่อสุขภาวะที่ดีแก่ตนเอง
-
ควรรับประทานอาหารที่ย่อยง่ายและมีประโยชน์ต่อร่างกาย และควรเน้นผักผลไม้
-
หลังตัดไหมแล้ว สามารถทาครีมลดรอยแผลเป็น หรือครีมบำรุงต่างๆ เพื่อช่วยให้แผลเป็นดูจางลงและไม่เป็นที่สะดุดตา
-
นวดหน้าอกหลังจากผ่าตัดเสริมหน้าอกไปแล้ว 1 เดือน และควรนวดทุกวันเป็นเวลา 6 เดือนถึง 1 ปี
หลีกเลี่ยง
-
หลีกเลี่ยงการยกของหนักเกิน 2 กิโลกรัม ในช่วง 2 อาทิตย์แรกหลังการผ่าตัด
-
หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักๆในช่วง 2 สัปดาห์แรก เช่น การวิ่ง กระโดด เวท หรือ ว่ายน้ำ
-
หลีกเลี่ยงการอาบแดด หากมีความจำเป็นต้องเจอแดด ควรทาครีมกันแดดบริเวณแผลเป็นด้วย
-
งดสูบบุหรี่ และดื่มสุราหลังผ่าตัด 2-4 สัปดาห์ เพราะมีผลทำให้แผลหายช้า
สิ่งที่เกิดขึ้นได้
-
แผลเป็นจากการผ่าตัดที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ในช่วง 2-3 เดือนแรก
-
แผลเป็นจะเห็นเป็นสีเข้มชัดเจนและมีความหนา แต่จะค่อยๆ จางและนุ่มลงจนกลับเป็นปกติในรยะเวลา 1 ปี
-
การบวมหลังการผ่าตัด ในช่วงแรกหน้าอกจะดูตึงแข็งไม่เป็นธรรมชาติ และจะเริ่มดูเป็นธรรมชาติหลังจาก 3-6 เดือน
วิธีการนวดหน้าอก
-
ใช้สองมือดันเต้านมด้านข้างเข้ามาให้ชิดกันมากที่สุด ค้างไว้ 10 วินาที
-
ดันเต้านมทั้งสองข้างให้ห่างกันมากที่สุด ค้างไว้ 10 วินาที
-
ใช้ฝ่ามือดันนมจากบนลงล่างค้างไว้ข้างละ 10 วินาที
-
ใช้มือบีบที่ฐานนมแล้วดันขึ้นไปค้างไว้ข้างละ 1 – 5 วินาที